ทากันแดดแล้ว ทำไมยังเป็นฝ้า

ทากันแดดแล้วแต่ทำไมเป็นฝ้า?? เครียด..หน้าไม่ใส

ปัจจุบันหลายคนให้ความสำคัญกับการเลี่ยงแสงแดดกันมากเพราะทราบกันดีถึงอันตรายจากความรุนแรงของแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องจากโลกเราร้อนมากขึ้น แต่ยังไงหากจำเป็นต้องออกแดดคงหนีไม่พ้นตัวช่วยสำคัญคือครีมกันแดด แต่ปัญหาที่ต้องเจอคือทาแล้วก้อยังหน้าพังเป็นฝ้านี่สิ เพราะอะไรและจะแก้ไขยังไง

5 ข้อที่ช่วยให้คุณทากันแดดอย่างมีคุณภาพปกป้องผิวได้ดียิ่งขึ้น

ข้อ 1 กลัวว่าหน้าจะมันเพราะกันแดด หรือรู้สึกเหนียวหน้าจนทาน้อยเกินไป

เรียกว่า SPF สูงแค่ไหนจะไม่สามารถกันได้ดีแน่นอนถ้าทากันแดดไม่ถูกต้อง ทาน้อยเกิน ค่า SPF มีการกำหนดตามมาตรฐานว่าต้องใช้ถึง 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตร

ยกตัวอย่างขนาดใบหน้าผู้หญิงคนไทยเรา มีพื้นที่เฉลี่ยขนาดกระดาษ A5 ซึ่งเท่ากับ 14.8 x 21 เซนติเมตร

หรือประมาณ 310 ตารางเซนติเมตร

ดังนั้น การทากันแดดให้ได้ตามค่ามาตรฐาน 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตร จึงควรทาวันละ 620 มิลลิกรัม

ตัวอย่างหากเราซื้อครีมกันแดดขนาด 20 ml หรือ 20 x 1,000 = 20,000 มิลลิกรัมมาใช้

หากเราใช้ประมาณวันละ 620 มิลลิกรัม จึงควรใช้กันแดดหมด 20,000/620 = 32.25 วัน ประมาณคร่าวๆ 1 เดือน ดังนั้น หากเราใช้กันแดดขนาด 20 ml หมด 2 เดือน นั่นแสดงว่าเราทากันแดดต่ำกว่าค่ามาตรฐานแล้วค่ะ

ข้อ 2 ทามากกลัวหน้าวอก

สีกันแดดส่วนใหญ่ที่เป็นส่วนผสมของ zinc และ titanium ค่อนข้างขาวหากไม่มีการผสมสารอื่น ข้อดีคือสารเหล่านี้จัดเป็นกันแดดกลุ่ม physiologic ที่ลดปัญหาเรื่องการระคายเคือง ดังนั้นสบายใจได้ในการทาแล้วจะแพ้ซึ่งพบน้อยกว่าสารกลุ่มเคมี การทากันแดดเยอะอาจทำให้ใบหน้าขาวมากแต่หากปล่อยทิ้งไว้สักพักความขาวจะกลืนจางน้อยลงเอง หรืออีกวิธีหากกังวลหน้าขาวก็ให้เลือกใช้กันแดดที่ใส่เบสปรับสีขาวลดลงได้

ข้อ 3 ทากันแดดไม่ทั่วถึง

หลายคนชอบทาแบบแตะ 3 จุด แต่ลืมทาตรงบริเวณขอบหน้า หมอมักแนะนำให้ทาเพิ่มอีก 2 จุดคือบริเวณขอบเพื่อสามารถเกลี่ยมาชนตรงกลางให้มีความหนาเพียงพอบริเวณกลางแก้มโหนกที่เป็นฝ้าได้ง่ายอีกด้วย การทาแบบ 3จุด มักมีปัญหาที่ตามมาคือ สีผิวไม่สม่ำเสมอทำให้หน้าเป็นคราบๆ และมีโอกาสเกิดฝ้าบริเวณตามขอบใบหน้าได้

ข้อ 4 อย่าเลือกกันแดดที่ส่วนผสมมากไป

การเลือกฟังค์ชันกันแดดมากเกิน จนกันแดดหมดคุณสมบัติที่ดีของกันแดด เช่น ใส่วิตามินหน้าขาวหลากหลาย วัตถุประสงค์กันแดดเอาแค่เลือก spf ที่เหมะสมและค่า PA ที่สูงพอเหมาะกับไลฟ์สไตล์เราก็เพียงพอแล้ว เน้นที่คุณสมบัติกันแดดที่จำเป็นจะดีกว่า เพราะใส่ผสมหลายอย่างส่งผลให้ค่ากันแดดเปลี่ยนไปได้ ดังนั้น ถ้าอยากหน้าใส ฝ้าหาย ควรใช้ครีมที่มีคุณสมบัติเฉพาะต่างหากเพื่อให้ครีมกันแดดคงประสิทธิภาพให้มากสุด

ข้อ 5 ไม่จำเป็นต้องทากันแดดตัวเดียว

เพราะกันแดดแต่ละตัว หรือลักษณะเนื้อครีม เจล โลชั่นแตกต่างกัน และบางครั้งจำเป็นต้องทาเพิ่มในวันที่ต้องอยู่กลางแดดนานๆ หรือบางทีแค่ทากันแดดเนื้อเบาๆทั่วหน้า แล้วทาตัวที่เข้มข้นครีมตรงบริเวณที่เป็นฝ้าหรือบริเวณที่ต้องการปกป้องเป็นพิเศษ เช่นโหนกแก้มที่เกิดฝ้าได้ง่าย ช่วยให้ได้ประโยชน์มากกว่าและลดความเหนียวเหนอะของการใช้กันแดดบางชนิดได้

สุดท้าย ใครอ่านบทความนี้และลองปรับวิธีใช้กันแดดดูแล้วรู้สึกฝ้าจางลง ลองแวะมาทักทายมาบอกกันด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้หมอนำสิ่งที่พูดกับคนไข้มากว่า 20ปี มาเล่ากันให้ฟังอีกนะค่ะ

ขอแชร์ค่ะ